วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่ทำให้"ผู้หญิง"อยู่หัวแถวได้!


     อย่าให้คำว่า ผู้หญิง คอยกัดกินความมั่นใจของคุณ เพราะบัดนี้โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว แม้โอกาสส่วนใหญ่จะยังอยู่ในมือของผู้ชายก็เถอะ แต่อย่างน้อยโลกทัศน์และวัฒนธรรมในสังคมการงานยุคนี้ โอกาสของผู้หญิงเปิดกว้างขึ้นมากแล้ว

     ผู้หญิงก็เก่งและเดินอยู่หัวขบวนได้ เพียงแต่ต้องมี คุณสมบัติ พอที่จะเดินนำคนอื่น เราก็ต้องรู้วิธีที่จะคว้าโอกาสนั้นมาเป็นของเรา ด้วยการพัฒนาตัวเองให้เป็น คนเก่ง ซึ่งจะต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นเสียก่อน

1. ใช้จุดเด่นความเป็นหญิง

     คุณรู้ใช่ไหมคะว่า สิ่งที่ผู้ชายไม่มีแต่ผู้หญิงมีคืออะไร ความสวยงาม ความละเอียดอ่อน และความอ่อนหวานค่ะ ไม่ใช่ความแกร่งกร้าวห้าวหาญจะนำพาไปสู่ความสำเร็จในทุกๆ สถานการณ์หรอก บางครั้งศิลปะแห่งการประนีประนอมก็ช่วยได้มาก ผู้หญิงเก่งจึงต้องฉลาดที่จะพัฒนาความเป็นผู้หญิงให้มีค่าต่อการทำงาน

     กล่าวคือ ต้องใช้ความใจเย็นให้มาก ฟูมฟายหรืองอแงตามข้อกล่าวหาว่าเป็นจุดอ่อนของผู้หญิงให้น้อย ผู้หญิงมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นพื้นฐานมากกว่าผู้ชาย แต่ต้องระวังไม่ให้ความเห็นอกเห็นใจนั้นกลายเป็นการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย ต้องรู้จักรับฟังอย่างเป็นกลาง และเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหา ซึ่งผู้หญิงมักทำได้ดีกว่า

2. อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ

     เป็นโชคดีที่ผู้หญิงดูน่าเข้าใกล้และไว้ใจได้ง่ายกว่าผู้ชาย ตรงที่มีความอ่อนหวาน อ่อนโยน และอ่อนนุ่มอยู่ในตัว ถ้ารู้จักใช้สิ่งเหล่านี้โดยไม่ปล่อยให้กลายเป็นความปวกเปียก กลยุทธิ์เรื่อง อ่อนนอกแข็งใน ที่กล่าวกันมาตั้งแต่โบราณกาล ก็คงช่วยให้ผู้หญิงประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

     ท่าทีที่อ่อนหวานเหมือนเป็นการเปิดประตูบ้านต้อนรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของบ้านจะอ่อนปวกเปียก สิ่งใดที่จำเป็นต้องใช้ความหนักแน่น เด็ดขาด เจ้าของบ้านที่ประตูบ้านเปิดรับทุกคนคนนี้ก็พร้อมจะหนักแน่นและเด็ดขาดเหมือนกัน
3. เจรจารื่นหูมิรู้หาย
     ผู้หญิงมีน้ำเสียงในการพูดที่นุ่มนวลน่าฟังกว่าผู้ชาย ขอเพียงพูดอย่างรู้จักไตร่ตรอง รู้จักสถานการณ์ รู้คิด รู้กาลเทศะ และรู้จักคนที่เรากำลังเจรจาด้วย ความสำเร็จก็รอเราอยู่ไม่ไกล ผู้หญิงอาจถูกกล่าวหาว่าพูดมากไป พูดไม่รู้เรื่อง พูดไปเรื่อย ไม่จริงเสมอไปหรอกค่ะ ใครมีสติในการพูด ก็จะไม่ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหานี้ได้ แต่หากไร้สติ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายศิลปะในการพูดก็ถดถอยได้เท่าๆกัน

     ในการพูดนั้นจึงต้องคิดก่อน มีการเตรียมการมาก่อน ความคิดต้องไม่สับสน พูดอย่างสั้น กระชับ ตรงประเด็น จริงใจ เป็นธรรมชาติ ใช้เสียงที่ดังพอประมาณ คือให้คู่สนทนาได้ยินชัดเจน หากมีผู้ร่วมสนทนาหลายคน ทุกคนต้องได้ยินเสียงพูดอย่างทั่วถึงกัน พูดจาต้องมีหางเสียง มีจังหวะจะโคนที่ราบรื่น มีเสียงหนักเบาเพื่อนเน้นความสำคัญของสิ่งที่พูด และไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ สายตาควรจับจ้องไปยังผู้ฟังถ้วนทั่ว และเมื่อพูดจบ จงแสดงท่าทีว่าคุณพร้อมแล้วที่จะรับฟังความเห็นของคนอื่น ไม่ปิดกั้น ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดไปนั้นดีที่สุด ถูกต้องที่สุดกว่าคนอื่นๆ แต่มันมีความถูกต้องรอบคอบอย่างที่สุดแล้วจากความคิดของคุณ คนอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไรต้องเปิดโอกาสให้เขาแสดงออกมา เพื่อได้รับแรงสนับสนุน หรือหากถูกค้าน ก็เป็นโอกาสที่เราจะอธิบายเพิ่มเติมได้

4. เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน
     ในทางสังคมวิทยา นักวิชาการระบุว่ามีแนวโน้มที่คนเราจะรู้สึกใกล้ชิดเพศแม่มากกว่าเพศพ่อ อาจเป็นเพราะผู้ชายมักพูดน้อย แสดงความรู้สึกน้อย เก็บงำอารมณ์มาก ซึ่งมีข้อดีตรงที่เขาไม่แสดงอารมณ์พร่ำเพรื่อ ผู้หญิงก็ต้องยึดหลักข้อนั้น ขณะเดียวกันเรามีธรรมชาติที่สื่อสารอารมณ์ได้มากกว่าผู้ชาย ขอเพียงการแสดงออกทางอารมณ์ที่ว่านั้นเป็นธรรมชาติและจริงใจ โอกาสที่จะผูกมิตรหรือมัดใจคนก็มีล้นเหลือ

5. มีความเป็นผู้นำ
     ความเป็นผู้นำนี้แหละสำคัญสูงสุด และลอยตัวอยู่เหนือเพศสภาพ คนเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาเป็นเพศใด แต่เขามีความคิดที่เฉียบคม มีการลงมือที่เฉียบขาด และมีการประสานงานที่เฉียบแหลม เขามักอยู่ข้างหน้าผู้อื่นเสมอ ทั้งการคิด การแสดงความคิดเห็น การลงมือทำและความรับผิดชอบ เขาต้องพร้อมจะผิดก่อนคนอื่น และอธิบายถึงความผิดพลาดนั้นอย่างกล้าหาญ ถูกต้องและแสดงภูมิรู้ว่าเขาเกิดการเรียนรู้จากความผิดพลาดได้

     พร้อมกันนี้เขาก็พร้อมจะนำพาทุกคนให้ก้าวพ้นความผิดพลาดนั้นๆ ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เข้าใจองค์กรและเห็นใจผู้ร่วมงาน ประสานประโยชน์ขององค์กรและผู้ร่วมงานได้ดี ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากผู้ร่วมงานในทุกระดับ
6. เป็นอัญมณีล้ำค่าขององค์กร
     ข้อนี้เป็นเสน่ห์ที่ผู้หญิงมีอยู่ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกองค์กรพยายามยืนยันแนวคิดเรื่องความเสมอภาค ดังนั้น หน่วยงานใดก็ตามที่ผลักดันหรือให้โอกาสผู้หญิงขึ้นมาอยู่ในระดับผู้บริหารหรือผู้นำองค์กร เขาจะรู้สึกอยากอวด รู้สึกเป็นหน้าเป็นตา 

     ใครก็ตามหากได้รับโอกาสนี้ต้องเป็นตัวแทนขององค์กรที่ดี คือมีภาพลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูดใจ แต่งกายสวยงามสมกับกาลเทศะ ตื่นตัว กระฉับกระเฉง เปิดรับผู้อื่น พร้อมจะสมานไมตรีกับทุกคน และชักนำให้ทุกคนชื่นชมในองค์กรของตัวเองอย่างแท้จริง ตลอดจนอยากร่วมงานกันอย่างยาวนาน

     หากจะสรุปง่ายๆกว่า ว่าบุคลิกภาพของผู้หญิงเก่ง หรือแท้ที่จริงก็คือ คนเก่ง นั้นต้องเป็นอย่างไร พ้นไปจาก 6 ข้อสำคัญข้างต้นแล้ว แบบย่อๆ ที่สุดก็ต้องบอกว่า รู้คิด รู้คน รู้ตน รู้ปฏิบัติ

ท่องไว้ให้เป็นคาถาประจำใจ นำไปใช้และขออวยพรให้ประสบความสำเร็จถ้วนหน้านะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Lisa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น