แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แล้ว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แล้ว แสดงบทความทั้งหมด
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554
ขจัดความเครียด…..ด้วยความคิดเชิงบวก
ขจัดความเครียดในการทำงาน…..ด้วยความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)
ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร ดิฉันเชื่อว่าคุณเคยประสบปัญหากับภาวะความเครียดในการทำงาน (Job Stress) มาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งอาการที่แสดงออกมานั้นก็จะแตกต่างกันไป เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ มือไม้สั่น เหงื่อออกเสมอ กินอาหารไม่ได้ ท้องอืด ท้องเสีย เป็นโรคกระเพาะ เป็นต้น บางคนถึงขนาดเรียกภาวะดังกล่าวว่า "โรคเครียด"
คุณเคยค้นหาสาเหตุบ้างไหมว่าความเครียดที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเองนั้น…เกิดจากอะไร? คุณรู้ไหมว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณมีอาการต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงว่าคุณกำลังเครียดอยู่นั้น ก็คือ ความวิตกกังวล ซึ่งเป็นความคิดของ ตัวคุณเองในด้านลบที่เกิดขึ้น (Negative Thinking) ไม่ว่ากับตัวคุณเอง คนรอบข้าง หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ตัวคุณ เช่น "ฉันทำงานนั้นไม่ได้", "ฉันไม่ดี", "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันผิดเอง", "ฉันมันไม่ฉลาด", "ฉันเป็นคนทำให้งานไม่สำเร็จ" หรือ "หัวหน้างานไม่ดี", "เพื่อนร่วมงานไม่เก่ง" เป็นต้น ซึ่งความคิดด้านลบเหล่านั้นจะทำให้คุณไม่มีพลังใจในการทำงาน คุณรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง จนในที่สุดมันก็จะส่งผลทำให้คุณทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ (คิดอะไร ก็จะได้สิ่งนั้น)
คุณเคยหาทางแก้ไขปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้นบ้างไหม ดิฉันเชื่อว่าคุณทุกคนคงไม่อยากให้ภาวะความ เครียดเกิดขึ้นกับตัวคุณเองอย่างแน่นอน มีหลายวิธีที่สามารถลดความเครียดลงได้ บางคนหาเวลาไปออกกำลังกาย บางคนนั่งสมาธิ ฝึกโยคะ เต้นแอโรบิค หรือเล่นกีฬาสุดโปรดของคุณ ซึ่งคุณได้พยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อลดความเครียดที่เกิดขึ้น แล้ววิธีการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทำให้คุณสามารถขจัดภาวะความเครียดได้บ้างไหม…. บางคนอาจทำได้ ….แต่บางคนอาจทำไม่ได้
ดิฉันมีวิธีการหนึ่งที่ทำให้คุณสามารถขจัดปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้น นั่นก็คือความคิดของตัวคุณเอง….ลองเปลี่ยนความคิดเชิงลบเป็นความคิดเชิงบวก (Positive Thinking) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนการรับรู้ของตัวคุณเองโดยอาจจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับบางคน แต่ไม่ถึงขนาดว่าทำไม่ได้….ทุกคนทำได้….ฝึกคิดใหม่ ทำใหม่…..ของแบบนี้อาจต้องใช้เวลา… แต่ ไม่นานเกินรอนะคะ
การเปลี่ยนการรับรู้จากด้านลบเป็นด้านบวกนั้นควรเริ่มที่ตรงไหน……มีเรื่องอะไรบ้าง…..ดิฉันขอสรุปสิ่งที่คุณควรเปลี่ยนความคิดจากด้านลบเป็นด้านบวกด้วย "หลัก 5 Yours" ดังนี้
1. ตัวคุณเอง (Yourself) ก่อนที่คุณจะมองคนอื่นคุณควรมองตัวคุณเองก่อน ความเคารพในตนเองเป็นการยอมรับในศักยภาพและความสามารถของตัวคุณ คุณทำได้ คุณดี
ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น คุณควรจะฝึกพูดกับตัวเองอยู่เสมอ เพื่อเป็นการย้ำจิตของคุณอยู่ตลอดเวลา….เช่น I am good, I am better, I am best
2. หัวหน้างานของคุณ (Your Boss) หัวหน้างานเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่อาจทำให้คุณเกิดภาวะความเครียดได้ หัวหน้างานอาจพูดไม่ดีกับคุณ ต่อว่าคุณเสมอ ตอกย้ำว่าคุณไม่ฉลาด จู้จี้จุกจิก ตามงานทุก 5 นาที
โยนงานใส่คุณ คุณเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้บ้างไหม ไม่ต้องใส่ใจนะคะ ถ้าคุณเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ให้คิดเสียว่าหัวหน้างานของคุณอาจเจอปัญหาทางบ้าน มีเรื่องกับภรรยา/สามีที่บ้าน เป็นต้น
ดิฉันอยากให้คุณคิดเสมอว่าหัวหน้างานคุณไม่ใช่เจ้าชีวิตคุณ คุณไม่อยู่กับเค้าตลอดเวลาและสักวันหนึ่งคุณหรือหัวหน้างานคุณอาจย้ายสถานที่ทำงานไป แล้วทำไมคุณต้องเก็บเอาปัญหาของหัวหน้างานคุณมาเป็นอารมณ์ด้วย
3. เพื่อนร่วมงานของคุณ (Your Colleague) คุณคงไม่ทำงานคนเดียว..ใช่ไหมคะ ดังนั้นเพื่อนร่วมงานของคุณก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณเครียดได้ เช่น เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ไม่ชอบทำงาน เอาแต่ประจบหัวหน้า ชอบนินทาผู้อื่น ชอบดูถูกในความสามารถของคนอื่น ชอบพูดจาให้ร้ายคนอื่นลับหลัง..อะไรทำนองนี้…
คุณเคยเจอบ้างไหม ถ้าคุณเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้ดิฉันอยากให้คุณคิดเสมอว่าเค้าไม่ใช่เพื่อนสนิทคุณที่คุณต้องใส่ใจอะไรมากมาย เค้าเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่คุณต้องทำงานร่วมด้วย…เท่านั้นเอง…. การเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้ ดิฉันคิดว่าดีเสียอีกชีวิตมีรสชาด มันแปลกดีนะ…คนแบบนี้ก็มีด้วย (คิดด้านบวกไว้นะคะ)
4. งานของคุณ (Your Job) ความเครียดที่เกิดจากการทำงานของคุณ…มี 2 รูปแบบ คุณได้รับมอบหมายให้ทำงานง่ายจนเกินไป หรือ คุณได้รับมอบหมายให้ทำงานยากและท้าทายเกินไป ทั้งนี้ทุกคนมีความต้องการและความคาดหวังในการทำงานที่แตกต่างกันไป บางคนชอบทำงานง่าย ๆ แต่บางคนชอบงานที่ท้าทาย ซึ่งดิฉันคิดว่างานสมัยนี้ค่อนข้างหายาก คนบางคนอาจไม่สามารถเลือกงานได้แต่เค้าสามารถเลือกที่จะรักงานที่ทำได้ อย่ามัวแต่คิดว่าเราไม่ชอบ ไม่รักงานนั้น ทั้งนี้งานที่คุณไม่ชอบตอนนี้อาจจะเป็นงานที่คุณถนัดมากและสร้างรายได้ให้กับตัวคุณเองอย่างมากมายในอนาคต (ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน)
ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ขอให้คิดเสมอว่านั่นเป็นงานที่คุณต้อง รับผิดชอบ จงทำให้มันดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของคุณจะทำได้ ควรเอาเวลาไปนั่งคิดหาทางปรับปรุงการทำงานของคุณจะดีกว่า อย่าไปคิดว่า ฉันไม่ชอบ ฉันจะไม่ทำ เพราะมันจะทำให้คุณไม่ใส่ใจที่จะคิดหาทางพัฒนางานของคุณเลย
5. ผลตอบแทนของคุณ (Your Compensation) ดิฉันยอมรับว่าเงินเดือนและผลตอบแทนต่าง ๆ ที่คุณได้รับอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณเครียดได้ คุณอาจได้รับเงินเดือนน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานของคุณทั้ง ๆ ที่คุณทำงานมากกว่าพวกเค้า ดิฉันอยากให้คุณมองที่สาเหตุก่อน..ว่าเป็นเพราะอะไร
ถ้าเป็นเพราะผลจากการทำงานของคุณ ดิฉันอยากให้คุณพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของคุณก่อน (แล้วค่อยมาดูต่อไปว่า คุณจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่) แต่ถ้าเป็นเพราะหัวหน้างานของคุณไม่ยุติธรรม บอกตามตรงนะคะ..มันคงแก้ไขยาก….แต่ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง….ดิฉันอยากให้คุณตั้งใจทำงาน มุมานะในการทำงานให้สำเร็จ ขยัน อดทน และมีความรับผิดชอบในการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้….สักวันหนึ่งหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานของคุณจะต้องเห็น
ถ้าไม่มีใครเห็นคุณก็เห็นตัวคุณเองและรู้ตัวเองเสมอว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ (คิดทางด้านบวกไว้นะคะ) ดิฉันไม่อยากให้คุณคิดว่าเงินเดือนได้รับแค่นี้…ก็ทำเท่านี้….การทำงานมากกว่าที่ได้รับมอบหมายให้เป็นสิ่งที่ดี เป็นการสร้างคุณค่าให้กับตนเอง (Value Added) มันอาจไม่เห็นผล ณ ตอนนี้ แต่ในอนาคตไม่แน่ไม่มีใครบอกได้ และ รับประกันได้ว่า ณ ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าไล่คุณออกอย่างแน่นอนเพราะคุณสามารถทำงานได้มากมาย …ไม่ต้องกลัวตกงานเลย (มีงานทำแน่นอน แต่เงินเดือนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณต้องตัดสินใจเอาเอง ลองถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณอยากตกงาน..หรือมีงานทำ…"อย่าลืมว่ายุคสมัยนี้งานเลือกคน มากกว่าคนเลือกงาน" หวังว่าคุณคงมีคำตอบแล้วนะคะ)
ดังนั้น อย่ามัวแต่โทษตนเองหรือโทษผู้อื่น….เพราะนั่นเป็นความคิดด้านลบ ลองเปลี่ยนมาคิดด้านบวกดู…โดยมองสิ่งต่าง ๆ ในทางที่ดีและไม่ควรเก็บปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิด วิตกกังวล (มันผ่านมา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป)…..
ตัวคุณเองจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเครียด…มิใช่ใครอื่น….แก้ที่ความคิดของตัวคุณจะดีกว่า เพราะนั่นจะเป็นยารักษาโรคเครียดที่ดีที่สุดและได้ผลมากที่สุด
ดังนั้น อย่ามัวแต่โทษตนเองหรือโทษผู้อื่น….เพราะนั่นเป็นความคิดด้านลบ ลองเปลี่ยนมาคิดด้านบวกดู…โดยมองสิ่งต่าง ๆ ในทางที่ดีและไม่ควรเก็บปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิด วิตกกังวล (มันผ่านมา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป)…..
ตัวคุณเองจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเครียด…มิใช่ใครอื่น….แก้ที่ความคิดของตัวคุณจะดีกว่า เพราะนั่นจะเป็นยารักษาโรคเครียดที่ดีที่สุดและได้ผลมากที่สุด
ที่มา : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์
10 ข้อ บอกความเป็นคุณ
แบบทดสอบจิตวิทยา
10 ข้อ บอกความเป็นคุณ
โอปรา พิธีกรชื่อดังUSA ได้ทำแบบทดสอบจิตวิทยาอันนี้ และเธอได้ 38 คะแนน คุณจะได้เท่าไหร่ก็บอกกันมั่งนะคะ ว่าตรงรึเปล่า
แบบทดสอบจิตวิทยานี้จัดทำโดยฝ่ายบุคคลของสำนักงานแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ มันช่วยให้เขาเข้าใจพนักงานของเขามากขึ้น ทั้งหมด มีเพียง 10คำถาม ดังนั้นก็คว้ากระดาษกับปากกามาจดคำตอบของคุณกันเลย
1. เวลาช่วงไหนที่คุณจะรู้สึกดี
a) ตอนเช้า
b) ตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ
c) ตอนดึกๆ
2. ปกติคุณจะมีท่าทางการเดินแบบไหน
a) เดินเร็ว ก้าวยาวๆ
b) เดินเร็ว แต่ก้าวสั้นๆ
c) เดินไม่ค่อยเร็ว มองตรงไปข้างหน้า
d) เดินไม่ค่อยเร็ว ก้มหน้า
e) เดินค่อนข้างช้า
3. เวลาคุยกับใครคุณทำท่า
a) ยืนกอดอก
b) ยืนกุมมือ
c) เท้าสะเอว 1 ข้างหรือทั้ง 2 ข้าง
d) แตะหรือผลักคนที่คุยด้วย
4. ท่านั่งสบายๆของคุณเป็นยังไง
a) เอาขาพับเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือนั่งพับเพียบ
b) นั่งไขว่ห้าง
c) ยืดขาตรง
d) นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง
5. เมื่อมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกถูกใจหรือขำมาก คุณแสดงออกอย่างไรa) หัวเราะดังๆอย่างพอใจ
b) หัวเราะ แต่ไม่ดังมาก
c) หัวเราะแบบไม่มีเสียง
d) ยิ้มแบบอายๆ
6. เมื่อไปงานเลี้ยง
a) เข้าไปอย่างเป็นที่สนใจ ทุกคนต้องรู้ว่าคุณมาแล้ว
b) เข้าไปเงียบๆ มองหาคนที่รู้จัก
c) เข้าไปอย่างเงียบที่สุด พยายามไม่เป็นที่สนใจ
7. คุณทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทมากๆ แต่ถูกขัดจังหวะคุณ ...
a) หยุดพักเพื่อผ่อนคลาย
b) รู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว รำคาญ
c) รู้สึกก้ำกึ่ง 2 ข้อข้างบน
8. ชอบสีอะไรมากที่สุดต่อไปนี้
a) สีแดง หรือ สีส้ม
b) สีดำ
c) สีเหลือง หรือ สีฟ้า
d) สี เขียว
e) สีน้ำเงิน หรือ สีม่วง
f ) สีขาว
g) สีน้ำตาล หรือ สีเทา
9. ตอนที่คุณอยู่บนเตียง ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่คุณจะหลับ คุณนอนในลักษณะไหน
a) นอนหงายธรรมดา
b) นอนคว่ำ
c) เอียงข้าง นอนขด
d) นอนเอาหัวทับแขน
e) นอนคลุมโปง
10. คุณมักฝันว่าคุณ ... a) กำลังหล่นหรือดิ่งลงไป เรื่อยๆ
b) กำลังต่อสู้ หรือดิ้นรน
c) กำลังค้นหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคน
d) กำลังบิน หรือกำลังลอยอยู่
e) คุณไม่ค่อยฝัน
f) คุณมักฝันถึงแต่สิ่งที่ดี
รวมคะแนนแบบทดสอบจิตวิทยาเลยจ้า 1. (a) 2 (b) 4 (c) 6
2. (a) 6 (b) 4 (c) 7 (d) 2 (e) 1
3. (a) 4 (b) 2 (c) 5 (d) 7 (e) 6
4. (a) 4 (b) 6 (c) 2 (d) 1
5. (a) 6 (b) 4 (c) 3 (d) 5 (e) 2
6. (a) 6 (b) 4 (c) 2
7. (a) 6 (b) 2 (c) 4
8. (a) 6 (b) 7 (c) 5 (d) 4 (e) 3 (f) 2 (g) 1
9. (a) 7 (b) 6 (c) 4 (d) 2 (e) 1
10. (a) 4 (b) 2 (c) 3 (d) 5 (e) 6 (f) 1
รวมคะแนนของคุณทั้งหมด แล้วมาดูวิเคราะห์กัน ...
คะแนนเกิน 60 คะแนน
แบบทดสอบจิตวิทยานี้จัดทำโดยฝ่ายบุคคลของสำนักงานแห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ มันช่วยให้เขาเข้าใจพนักงานของเขามากขึ้น ทั้งหมด มีเพียง 10คำถาม ดังนั้นก็คว้ากระดาษกับปากกามาจดคำตอบของคุณกันเลย
1. เวลาช่วงไหนที่คุณจะรู้สึกดี
a) ตอนเช้า
b) ตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ
c) ตอนดึกๆ
2. ปกติคุณจะมีท่าทางการเดินแบบไหน
a) เดินเร็ว ก้าวยาวๆ
b) เดินเร็ว แต่ก้าวสั้นๆ
c) เดินไม่ค่อยเร็ว มองตรงไปข้างหน้า
d) เดินไม่ค่อยเร็ว ก้มหน้า
e) เดินค่อนข้างช้า
3. เวลาคุยกับใครคุณทำท่า
a) ยืนกอดอก
b) ยืนกุมมือ
c) เท้าสะเอว 1 ข้างหรือทั้ง 2 ข้าง
d) แตะหรือผลักคนที่คุยด้วย
4. ท่านั่งสบายๆของคุณเป็นยังไง
a) เอาขาพับเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือนั่งพับเพียบ
b) นั่งไขว่ห้าง
c) ยืดขาตรง
d) นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง
5. เมื่อมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกถูกใจหรือขำมาก คุณแสดงออกอย่างไรa) หัวเราะดังๆอย่างพอใจ
b) หัวเราะ แต่ไม่ดังมาก
c) หัวเราะแบบไม่มีเสียง
d) ยิ้มแบบอายๆ
6. เมื่อไปงานเลี้ยง
a) เข้าไปอย่างเป็นที่สนใจ ทุกคนต้องรู้ว่าคุณมาแล้ว
b) เข้าไปเงียบๆ มองหาคนที่รู้จัก
c) เข้าไปอย่างเงียบที่สุด พยายามไม่เป็นที่สนใจ
7. คุณทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทมากๆ แต่ถูกขัดจังหวะคุณ ...
a) หยุดพักเพื่อผ่อนคลาย
b) รู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว รำคาญ
c) รู้สึกก้ำกึ่ง 2 ข้อข้างบน
8. ชอบสีอะไรมากที่สุดต่อไปนี้
a) สีแดง หรือ สีส้ม
b) สีดำ
c) สีเหลือง หรือ สีฟ้า
d) สี เขียว
e) สีน้ำเงิน หรือ สีม่วง
f ) สีขาว
g) สีน้ำตาล หรือ สีเทา
9. ตอนที่คุณอยู่บนเตียง ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่คุณจะหลับ คุณนอนในลักษณะไหน
a) นอนหงายธรรมดา
b) นอนคว่ำ
c) เอียงข้าง นอนขด
d) นอนเอาหัวทับแขน
e) นอนคลุมโปง
10. คุณมักฝันว่าคุณ ... a) กำลังหล่นหรือดิ่งลงไป เรื่อยๆ
b) กำลังต่อสู้ หรือดิ้นรน
c) กำลังค้นหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคน
d) กำลังบิน หรือกำลังลอยอยู่
e) คุณไม่ค่อยฝัน
f) คุณมักฝันถึงแต่สิ่งที่ดี
รวมคะแนนแบบทดสอบจิตวิทยาเลยจ้า 1. (a) 2 (b) 4 (c) 6
2. (a) 6 (b) 4 (c) 7 (d) 2 (e) 1
3. (a) 4 (b) 2 (c) 5 (d) 7 (e) 6
4. (a) 4 (b) 6 (c) 2 (d) 1
5. (a) 6 (b) 4 (c) 3 (d) 5 (e) 2
6. (a) 6 (b) 4 (c) 2
7. (a) 6 (b) 2 (c) 4
8. (a) 6 (b) 7 (c) 5 (d) 4 (e) 3 (f) 2 (g) 1
9. (a) 7 (b) 6 (c) 4 (d) 2 (e) 1
10. (a) 4 (b) 2 (c) 3 (d) 5 (e) 6 (f) 1
รวมคะแนนของคุณทั้งหมด แล้วมาดูวิเคราะห์กัน ...
คะแนนเกิน 60 คะแนน
คนอื่นๆมองว่าการอยู่กับคุณเขาต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ เห็นว่าคุณเป็นที่หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว แล้วชอบทำตัวโดดเด่นออกมา หลายคนอาจจะชื่นชมคุณ อยากเป็นเหมือนคุณ แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อใจคุณและลังเลใจที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับคุณมากเกินไป
คะแนน 51 ถึง 60
คะแนน 51 ถึง 60
คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนที่น่าตื่นเต้น แต่อารมณ์แปรปรวนและไม่ค่อยไตร่ตรองอะไร เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ตัดสินใจเร็วแต่มันไม่ถูกเสมอไป เขาเห็นว่าคุณเป็นกล้าหาญและท้าทาย เป็นคนที่พร้อมที่จะทดลองอะไรก็ได้ เป็นคนที่กล้าเสี่ยงคว้าเอาโอกาส และสนุกกับการผจญภัย ผู้คนมักรู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับคุณ เพราะความน่าตื่นเต้นที่คุณสื่อออกมา
คะแนน 41 ถึง 50 คะแนน
คะแนน 41 ถึง 50 คะแนน
คนอื่นๆมองว่าคุณ เป็นคนร่าเริง สดใสมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ ง่ายๆ และน่าสนใจ เป็นคนที่มักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ แต่มีความสมดุล รู้ว่าต้องทำตัวยังไง คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนใจดี นึกถึงจิตใจคนอื่น และมีความเข้าใจ เป็นคนที่จะคอยให้กำลังใจ และช่วยเหลือเขาตลอดเวลา
คะแนน 31 ถึง 40 คะแนน
คะแนน 31 ถึง 40 คะแนน
คนอื่นๆมองว่าคุณ เป็นคนอ่อนไหว ระมัดระวังรอบคอบ และง่ายๆ ผู้คนมองว่าคุณ ฉลาด มีพรสวรรค์ แต่นอบน้อม ไม่ใช่คนที่จะมีเพื่อนได้ง่ายๆ แต่จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนมาก และคาดหวังว่าเพื่อนก็ต้องเป็นเช่นนั้นกับคุณ คนที่รู้จักคุณจริงๆจะรู้ว่า มันต้องใช้หลายอย่างมากที่จะทำให้คุณเลิกไว้ใจเพื่อน ของคุณ แต่ในทางกลับกัน มันจะใช้เวลานานมากกว่าคุณจะยอมอภัย ถ้าความเชื่อถือนั้นถูกทำลายลง
คะแนน 21 ถึง 30 คะแนน
คะแนน 21 ถึง 30 คะแนน
เพื่อนๆมองว่าคุณเป็นคนที่มีความมานะบากบั่นและจุกจิก มองว่าคุณค่อนข้างขี้ระแวง ระมัดระวังอย่างมาก เชื่องช้า และมีความพยายาม มากๆ มันจะทำให้เขาแปลกใจถ้าพบว่าคุณทำอะไรซักอย่างโดยขาดการยั้งคิด หรือทำไปเพราะมีแรงกระตุ้นเพียงชั่วครู่ เขาจะคาดหวังว่าคุณต้องตรวจสอบทุกอย่างในทุกแง่ทุกมุม แล้วจากนั้น ก็มักจะตัดสินใจต่อต้านมัน พวกเขาคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความขี้ระแวงโดย ธรรมชาติของคุณนั่นเอง
คะแนนต่ำกว่า 21 คะแนน
คะแนนต่ำกว่า 21 คะแนน
คนอื่นๆมองว่าคุณ ขี้อาย ขี้กังวล และไม่กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ต้องการการดูแล เป็นคนที่ต้องการให้คนอื่นตัดสินใจแทน และเป็นคนที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรทั้งนั้น ผู้คนเห็นว่าคุณเป็นคนที่กังวลในปัญหาที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ บางคนคิดว่าคุณน่าเบื่อ มีแต่คนที่รู้จักคุณดีเท่านั้นจึงจะรู้ว่าคุณไม่น่าเบื่อ
**********
อันตรายในไอศกรีม
ที่เลวร้ายกว่านั้น ผู้ผลิตไอศกรีมหัวใสบางราย ยังได้นำไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาใช้เป็นส่วนผส มในไอศกรีม ซึ่งไขมันจากสัตว์นั้นมีจำนวนของไขมันอิ่มตัวที่สูง เป็นไขมันชั้นเลวที่หากบริโภคไปมากๆ จะก่อให้เกิดโรคอ้วนและไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ สำหรับสารสังเคราะห์จากสารเคมีที่เป็นอันตราย และได้มีการนำมาผสมในไอศกรีมนั้น มีดังต่อไปนี้
1. ไดอิธิลกลูคอล( Diethyl Glucol)
สาร เคมีราคาถูกที่ใช้ในการตีไขมันให้กระจายแทนการใช้ ไข่ สารชนิดนี้เป็นสารกันเยือกแข็งที่ใช้กันน้ำแข็งไม่ให ้ละลายเร็ว และใช้ในน้ำยากัดสีด้วย
2. อัลดีไฮด์ – ซี71(Aldehyde-C71)
เป็น สารที่ใช้ในการสร้างกลิ่นที่ไม่ค่อยมีในประเทศไท ย เช่น เชอร์รี่ และเพื่อให้ไอศกรีมเป็นของเหลว
ติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน จำพวกพลาสติกและยาง
สาร เคมีราคาถูกที่ใช้ในการตีไขมันให้กระจายแทนการใช้ ไข่ สารชนิดนี้เป็นสารกันเยือกแข็งที่ใช้กันน้ำแข็งไม่ให ้ละลายเร็ว และใช้ในน้ำยากัดสีด้วย
2. อัลดีไฮด์ – ซี71(Aldehyde-C71)
เป็น สารที่ใช้ในการสร้างกลิ่นที่ไม่ค่อยมีในประเทศไท ย เช่น เชอร์รี่ และเพื่อให้ไอศกรีมเป็นของเหลว
ติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน จำพวกพลาสติกและยาง
3. ไปเปอร์โอรัล( Piperoral)
ใช้แทนกลิ่นวานิลลา เป็นสารเคมีเดียวกับที่ใช้ผสมในยาฆ่าเหาและหมัด
4. อิธิลอะซีเตท (Ethyl acetate)
ใช้ สร้างกลิ่นรสสับปะรด อีกทั้งยังใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ก่อให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจที่ผิดปกติ
ใช้แทนกลิ่นวานิลลา เป็นสารเคมีเดียวกับที่ใช้ผสมในยาฆ่าเหาและหมัด
4. อิธิลอะซีเตท (Ethyl acetate)
ใช้ สร้างกลิ่นรสสับปะรด อีกทั้งยังใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ก่อให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจที่ผิดปกติ
5. บิวธีรัลดีไฮด์(Butyraldehyde)
ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผลไม้เปลือกแข็งเช่น ถั่วต่างๆ สารนี้เป็นสารที่ใช้เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง
6. แอนนิล อะซีเตท(Anyle acetate)
สารนี้จะให้กลิ่นกล้วยหอม และเป็นสารที่ใช้ทำลายล้างไขมัน
ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผลไม้เปลือกแข็งเช่น ถั่วต่างๆ สารนี้เป็นสารที่ใช้เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง
6. แอนนิล อะซีเตท(Anyle acetate)
สารนี้จะให้กลิ่นกล้วยหอม และเป็นสารที่ใช้ทำลายล้างไขมัน
7. เบนซิล อะซีเตท(Benzyle acetate)
เป็นสารที่ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่เป็นสารละล ายไนเตรท ทำให้เกิดความอยากอาหาร
สารเคมีที่กล่าวมาทั้งหมด เช่น สารกันเยือกแข็ง ตัวทำละลายน้ำมัน น้ำยาลอกสี ยาฆ่าเหาและฆ่าหมัด นั้น ไม่ใช่ว่าในไอศกรีมทุกยี่ห้อจะมีสารเหล่านี้ทั้งหมด บางยี่ห้ออาจจะผสมสารตัวนี้หรือตัวอื่น นอกจากสารที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการใช้สารให้ความหวาน คือ แซคคารินหรือน้ำตาลเทียม เติมเพื่อให้มีสีและกลิ่นที่หอมหวาน
เป็นสารที่ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่เป็นสารละล ายไนเตรท ทำให้เกิดความอยากอาหาร
สารเคมีที่กล่าวมาทั้งหมด เช่น สารกันเยือกแข็ง ตัวทำละลายน้ำมัน น้ำยาลอกสี ยาฆ่าเหาและฆ่าหมัด นั้น ไม่ใช่ว่าในไอศกรีมทุกยี่ห้อจะมีสารเหล่านี้ทั้งหมด บางยี่ห้ออาจจะผสมสารตัวนี้หรือตัวอื่น นอกจากสารที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการใช้สารให้ความหวาน คือ แซคคารินหรือน้ำตาลเทียม เติมเพื่อให้มีสีและกลิ่นที่หอมหวาน
ซึ่งสารแซคคารินนั้นได้มีการพิสูจน์แล้วว่า มีส่วนสนับสนุนทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน ไอศกรีมนั้นเป็นอาหารขยะชนิดหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายพอสมควร ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้ผลิตบางราย และความพอดีในการบริโภคของตัวผู้บริโภคเอง ที่ต้องดูแลเรื่องการบริโภค ให้ได้สัดส่วนที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย อาหารข ยะ!! ก็คือขยะที่ร่างกายเราไม่จำเป็นต้องกิน ก็สามารถอยู่ได้ไม่ใช่หรือ?
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ท่าทีสาวๆ ที่หนุ่มๆ ต้องหยุด…. !!!
สำหรับหนุ่มๆ ที่พยายามจีบสาวอยู่ และทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จเสียที่ ลองหยุดดื้อแล้วหันมาศึกษาท่าทีของสาวๆ ดูกันก่อนดีไหมว่า หลังจากที่คุณแจกขนมจีบไปแล้ว เธอมีทีท่าอย่างไร และควรจะตามจีบเธอต่อไปหรือไม่.. .
เธอบอกว่า “ยังไม่พร้อมที่จะคบกับใคร” ประโยคนี้คลาสสิกที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาว ก็ใช้ปฏิเสธคนได้ทั้งนั้น
เนื่องจากเป็นประโยคที่ไม่ต้องแสดงเหตุผล และไม่ต้องหาคำแก้ตัวมากมายนัก หากคุณได้ยินประโยคนี้ก็ถอยก้าวออกมาจะดีกว่า
โทรศัพท์ที่ไม่เคยรับสาย และไม่เคยโทรกลับ หากเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง หนุ่มๆ ก็ยังมีลุ้น
โทรศัพท์ที่ไม่เคยรับสาย และไม่เคยโทรกลับ หากเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง หนุ่มๆ ก็ยังมีลุ้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่โทรหาแล้วสาวเจ้าก็ไม่ยอมรับสาย และไม่มีแม้แต่จะโทรกลับ ก็อย่าพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่ามือถือเธอไม่โชว์เบอร์ ทางที่ดีทำใจ และมองหาสาวคนรู้ใจใหม่ดีกว่า
เธอหลบตายามคุณพยายามจ้อง เพราะธรรมชาติของผู้หญิง ยามตกหลุมรักใคร พวกเธอจะ
พยายามสบตา เพื่อดูว่าชายหนุ่มที่เธอชอบนั้นจริงใจจริงหรือเปล่า หากเธอไม่แม้แต่จะปรายตามองคุณ นั่นก็แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ในสายตาเธอ ของจริง!!!
เธอชอบพูดถึงชายหนุ่มคนอื่น หากเธอยังไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับคุณ ก็อย่าพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า การที่เธอพูดถึงชายหนุ่มคนอื่นนั้น เธอกำลังทำให้คุณหึง เพราะจริงๆ แล้ว เธอต้องการเพื่อนคุยและที่ปรึกษาเท่านั้นเอง
มุกขำๆ ก็ยังเมินเฉย แม้หนุ่มๆจะลงทุนเป็นตลกคาเฟ่ตัวยง ก็ยังทำให้สาวเจ้าขำไม่ออก
เธอชอบพูดถึงชายหนุ่มคนอื่น หากเธอยังไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับคุณ ก็อย่าพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า การที่เธอพูดถึงชายหนุ่มคนอื่นนั้น เธอกำลังทำให้คุณหึง เพราะจริงๆ แล้ว เธอต้องการเพื่อนคุยและที่ปรึกษาเท่านั้นเอง
มุกขำๆ ก็ยังเมินเฉย แม้หนุ่มๆจะลงทุนเป็นตลกคาเฟ่ตัวยง ก็ยังทำให้สาวเจ้าขำไม่ออก
งานนี้เป็นคำตอบที่ดีว่าเธอไม่สนแม้แต่จะแคร์ความรู้สึกของคุณ ในการพยายามทำให้เธอมีความสุข
มีแต่คำปฏิเสธ!!! ไม่ว่าจะเป็นแผนการนัดทานข้าวเที่ยง ดูหนัง ฟังเพลง ยังไง เธอก็ตอบกลับมาว่างานยุ่งหรือไม่ว่าง
มีแต่คำปฏิเสธ!!! ไม่ว่าจะเป็นแผนการนัดทานข้าวเที่ยง ดูหนัง ฟังเพลง ยังไง เธอก็ตอบกลับมาว่างานยุ่งหรือไม่ว่าง
จนบางครั้งคุณจะได้ยินประโยคป้องกันตัวเองของเธอที่ว่า “ไปธุระกับคุณพ่อคุณแม่” นั่นก็แสดงว่า เธอไม่สนใจคุณเลยล่ะ…
หนุ่มในฝันที่ไม่ใช่คุณ หากคุณได้ยินเธอพร่ำเพ้อ ถึงหนุ่มในฝัน ที่ตรงกันข้ามคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรงผมสกินเฮด ขณะที่คุณเป็นหนุ่มผมยาว เธอชอบวิศวกรขณะที่คุณเป็นนายแพทย์ และขออย่าพยายามตื้อจนเธอต้องเผยว่า ฉันไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณ!!!
หนุ่มในฝันที่ไม่ใช่คุณ หากคุณได้ยินเธอพร่ำเพ้อ ถึงหนุ่มในฝัน ที่ตรงกันข้ามคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรงผมสกินเฮด ขณะที่คุณเป็นหนุ่มผมยาว เธอชอบวิศวกรขณะที่คุณเป็นนายแพทย์ และขออย่าพยายามตื้อจนเธอต้องเผยว่า ฉันไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณ!!!
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554
หยดย้อย
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ถาม
เรื่องมีอยู่ว่าดิฉันกับสามีแต่งงานกันมาประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ แต่เราแยกกันอยู่เพราะทำงานกันคนละที่ เค้าเคยบอกให้ฉันไปอยู่กับเค้าแต่ดิฉันไม่อยากไปหางานใหม่ เลยยังไม่ได้ย้ายไปอยู่กับแฟน
มาช่วงหลังฉันจับได้ว่าสามีฉันไปมีผู้หญิงอื่น ฉันถามเค้าก็สารภาพ ฉันเสียใจมากค่ะฉันถามเค้าว่าเค้าจะเลือกใคร เค้าบอกว่ายังไงก็เลือกฉันแต่ขอเวลาเคลียร์เรื่องทุกอย่างก่อนได้ไหมเพราะเค้าบอกว่าโกหกผู้หญิงคนนั้นว่ายังไม่มีเมีย แล้วก็สงสารเด็กคนนั้น ขอถามหน่อยนะค่ะว่าฉันควรทำอย่างไร
มาช่วงหลังฉันจับได้ว่าสามีฉันไปมีผู้หญิงอื่น ฉันถามเค้าก็สารภาพ ฉันเสียใจมากค่ะฉันถามเค้าว่าเค้าจะเลือกใคร เค้าบอกว่ายังไงก็เลือกฉันแต่ขอเวลาเคลียร์เรื่องทุกอย่างก่อนได้ไหมเพราะเค้าบอกว่าโกหกผู้หญิงคนนั้นว่ายังไม่มีเมีย แล้วก็สงสารเด็กคนนั้น ขอถามหน่อยนะค่ะว่าฉันควรทำอย่างไร
แต่เค้าพยายามจะหาซื้อบ้านเพื่อที่จะให้ดิฉันไปอยู่ด้วยแต่ความคิดเค้าเปลี่ยนตลอดเวลา บางครั้งเราทะเลาะกันเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวก็ไม่ซื้อหรอกบ้าน เราเลิกกันเลยดีกว่าไหมอะไรประมาณนี้ ฉันจะเชื่อใจสามีได้ไงคะว่าเขาจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นจริง ฉันตั้งแต่รู้เรื่องนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับทุกวัน ช่วยให้คำปรึกษาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
คำตอบ :
สวัสดีค่ะ
แต่งงานกันแต่แยกกันอยู่แล้วจะแต่งทำไมคะ ? ….อย่าโทษใครเลยค่ะว่าใครผิด คุณเป็นคนเลือกเองตั้งแต่ต้นที่จะห่างกันเอง ส่วนสามีคุณก็อ่อนไหวง่าย ไม่มั่นคง สรุปว่าผิดทั้ง 2 คน แต่การจะโทษกันไปมาก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร มาดามว่าคุณกับสามีต้องร่วมด้วยช่วยกันซ่อมเตียงซ่อมบ้านแล้วล่ะค่ะ
ก่อนอื่นถ้าคุณและเขาต้องหันหน้ามาเปิดใจกันก่อนว่า เป้าหมายในชีวิตคู่ของคุณทั้งคู่คืออะไร ที่ผ่านมามีส่วนไหนที่อยากปรับอยากแก้กันอีกบ้าง และมีความเป็นไปได้แค่ไหนในการที่จะแก้ปัญหานี้ร่วมกัน ตรงไหนคือจุดกึ่งกลางที่คุณทั้งคู่จะร่วมมือกันในการแก้ปัญหา
ในมุมมองของมาดามนะคะ ถ้าคุณทั้งคู่ยังอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป ก่อนอื่นคุณต้องให้อภัยเขาก่อน เพราะที่ผ่านมาคุณก็เปิดช่องให้เขารู้สึกว้าเหว่เอง ส่วนของคุณต้องแก้ไขเรื่องระยะห่าง กลับมาอยู่ร่วมบ้าน ร่วมเตียงให้เหมือนคู่สามี-ภรรยาอื่นๆ เขาเถอะค่ะ หากิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ทำร่วมกัน เหมือนเพิ่งเริ่มเดทกันใหม่ๆ หรือจะออกไปฮันนีมูนกันอีกสักรอบ ออกไปกิน-เที่ยวนอกบ้าน หรือเข้าครัวร่วมกันในวันหยุด อะไรเหล่านี้จะทำให้คุณทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นนะคะ
ในส่วนของคุณสามี ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องกลับไปเคลียร์กับทางโน้นให้จบค่ะ ในเบื้องต้น คุณต้องให้เกียรติและไว้วางใจเขาที่จะให้เขาเป็นผู้แก้ปัญหาในส่วนของภรรยาน้อยเองนะคะ แต่ถ้าคุณได้พยายามปรับปรุงตัวเองและให้เวลาเขามากพอแล้วปัญหามือที่สามยังแก้ไม่ได้สักที ก็คงต้องถึงเวลาคุยกันอีกครั้งล่ะค่ะว่า คุณทั้งคู่ยังพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอยู่อีกหรือเปล่า
มาดามเอาใจช่วยนะคะ
บุญรักษา
จากใจ มาดามรัก
ผู้หญิง สวยแล้วไปไหน?
ถ้าคุณเป็นผู้หญิง จะแท้ หรือ เทียม ก็ต้องอ่าน!!

ว่ากันว่าผู้ชายจะเลือกคบผู้หญิงอยู่สองประเภท หนึ่งคือหญิงแจ๋นแจ๋โอ้เลเลโอ้ลาลา กล้าได้กล้าเสียพบได้ตามผับบาร์ ถ้าประกอบสัมมาชีพเป็นพริ๊ตตี้จะยิ่งเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับเหล่ากระทาชายเข้าไปใหญ่ อันนี้มีไว้ควงสองคือหญิงธรรมชาติสบาย มีกลิ่นเพศแม่ แต่ไม่มีเพศรส ซึ่งชายจะเอาไว้ผลิตลูกแล้วให้ใช้ความเป็นเพศแม่นั้นอบรมเลี้ยงลูก ส่วนตัวเขาก็จะได้ไปโอ้เลเลโอ้ลาลากับแม่หญิงแจ๋นเบอร์หนึ่ง
หลังจากนั้น หญิงแม่พันธุ์ ก็จะเกิดอาการยอมไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาสวย เลยพยายามเลือกซื้อเครื่องสำอางแล้วละเลงด้วยตัวเอง ผู้ชายชอบผิวขาวเนียนใส เราควรจะลงแป้งซะหน่อย ผู้ชายชอบแก้มอมชมพู เราควรจะปัดแก้มซะหน่อย ผู้ชายชอบปากสีชมพูอิ่มเอิบก็ลงลิปสติกซะหน่อย เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ ผู้ชายเลยตีตั๋วส่งไปเข้าป่าลพบุรีในทันใด ตามประสาหญิงไทยเมื่อไร้ผู้ชายชีวิตจบกัน
เอาล่ะค่ะคุณน้อง คิดว่าหญิงแม่พันธุ์ทำพลาดตรงไหน บอกให้ก็ได้ เพราะหญิงแม่พันธุ์ไม่ได้อยากสวยเพราะอยากจะสวย แต่อยากจะสวยเพราะอยากเอาชนะโอ้เลเลโอ้ลาลา ประกอบกับการ อยู่แต่บ้านเลยดูแต่ละครไทยที่พล็อตประมาณว่าหญิงขี้เหร่ใส่แว่นแล้ววันหนึ่งก็มีพระเอกมาอุ้มชูเลยสวยเอาๆ จนพระเอกไปไหนไม่รอด ถึงแม้จะมีตัวอิจฉามาแว๊ดๆเข้าทรงองค์ประทับก็ไม่อาจให้พระเอกละสายตาไปได้ เลยเอามั่ง ฉันจะสวยจากภายใน สักวันผู้ชายจะเห็นคุณค่าในทองเนื้อเก้า แล้วเขาจะมาสิโรราบแทบเท้า ก็นั่งเคี้ยวกล้วยอยู่ในป่าแล้วฝันหวานต่อไปนะคะ
ถ้าถามว่าทำไมต้องแต่งหน้า ทำไมต้องบำรุงผิว เราโดนการตลาดบริษัทเครื่องสำอางหลอกขายรึเปล่า เราควรจะยึดถือความงามจากภายในรึเปล่า อย่าสติแตกสิคะ อย่าให้ความละครไทยที่หญิงดีก็ดี๊ดีเป็นแม่พลอยอบขมิ้น หญิงเลวก็เลวแสนเลวเป็นแม่พริ้งมาหลอนหลอก การจะทำตัวเป็นโอ้เลเลโอ้ลาลาก็ไม่ผิด การจะทำตัวเป็นแม่พันธุ์แสนดีก็ไม่ผิด แต่เราควรจะผสมทั้งแม่พริ้งแม่พลอย ส่วนจะให้อัตราส่วนพริ้งพลอยเป็น 50:50 หรือ 70:30 หรือเท่าไหร่ก็แล้วแต่คุณน้อง พอคนๆคลุกๆกันเสร็จก่อนจะเสิร์ฟให้ผู้ชายทาน ควรชิมก่อน เพราะ ถึงแม้เราจะทำทุกอย่างเพื่อผู้ชาย แต่เราควรจะสวยไปเพื่อตัวเองนะคะ
เรื่องโดย Women Mthai Team
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
ิbra

เสื้อชั้นใน
การเลือกเสื้อชั้นในขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมของแต่ละคน บางคนถึงหน้าอกจะใหญ่ แต่ชอบใส่เสื้อชั้นในรัดรูปและช่วยพยุงทรง เพื่อไม่ให้หน้าอกกระเพื่อมมากนัก หลายคนชอบใส่เสื้อชั้นในเวลาออกกำลังกาย บางคนใส่ยกทรงเพื่อปกปิดหัวนมซึ่งอาจจะชูชันเมื่ออากาศหนาวหรือถูกกระตุ้นทางเพศ ขณะที่อีกหลายคนไม่ชอบใส่อะไรเลย ยังคงมีข้อถกเถียงกันว่า การใส่ยกทรงสัมพันธ์กับการห้อยย้อยของหน้าอกหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่ายกทรงช่วยรักษาความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อและเอ็นซึ่งพยุงทรงไว้ แต่บางคนกล่าวว่าการถูกดึงรั้งเป็นเวลานาน แรงดึงดูดของโลก การใส่และถอดยกทรง สถานภาพความเป็นแม่ การเปลี่ยนแปลงของขนาดซึ่งสัมพันธ์กับการขึ้นลงของน้ำหนักตัว สิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญกับการห้อยย้อยของหน้าอกทั้งสิ้นไม่ว่าจะใส่เสื้อชั้นในบ่อยแค่ไหนก็ตาม ยกทรงประเภทนี้ให้ความรู้สึกในการสวมใส่เป็นธรรมชาติมากทีสุดเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่จริงๆแล้วช่วยพยุงทรงไว้ทำให้รูปทรงของหน้าอกเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด และมองเห็นหัวนมได้ง่ายสุด โดยเฉพาะชนิดไม่มีตะเข็บ
แบบอันเดอร์ไวร์ (Underwire)
เหมาะสำหรับคนที่มีขนาดหน้าอกใหญ่กว่าคัพซี แบบดันทรง ( Push-up Bra ) ตัดเย็บด้วยรูปทรงและบุฟองน้ำด้านในเพื่อช่วยดันทรงขึ้น
แบบเสริมฟองน้ำ ( Padded Bra) ออกแบบมาเพื่อให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้น บุฟองน้ำมากกว่าแบบดันทรง เป็นการอุ้มเต้านมไว้ไม่ให้ขยับ ไปอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน แบบครึ่งตัว (Demi Bra) เป็นยกทรงประเภทอันเดอร์ไวร์ชนิดหนึ่ง แต่ตัดส่วนที่อยู่เหนือหัวนมออกไป ยกทรงชนิดนี้ เหมาะสำหรับเวลาสวมชุดที่คว้านคอลึก ถ้าหน้าอกใหญ่ใส่ยกทรงประเภทนี้จะทำให้หน้าอก ล้นออกมา มองดูคล้ายมีนมสี่เต้า แบบสปอร์ต (Sport Bra) เป็นยกทรงที่มีจุดประสงค์ในการสวมใส่โดยเฉพาะและมีคนเลือกใช้ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มี หน้าอกขนาดกลางและใหญ่ เพื่อช่วยพยุงทรงและสวมใส่สบาย ยกทรงแบบสปอร์ตจะบีบหน้า อกเข้าหากันอาจทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดได้ แบบมินิไมเซอร์ (Minimizer Bra) ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้หน้าอกดูเล็กลง เพราะช่วยบีบหน้าอกทำให้เนื้อไม่ล้นออกมามากนักก่อนอื่นต้อง เลือก ยกทรง ให้เหมาะสมกับ ขนาด และ รูปร่างก่อน
ค่ะ เช่น ถ้าคุณ เป็นคน อกใหญ่ ต้อง เลือกยกทรง ที่ไม่รัดจนเกินไป
ไม่งั้นจะทำให้ดูเหมือนมี นม 4 เต้า เลือกยกทรงที่สามารถเก็บเนื้อหน้าอกได้มิดชิด และเลือกที่มี สายบ่ากว้าง ช่วยกระจายน้ำหนัก จะได้ไม่ปวดไหล่
แต่ถ้าเป็นคนอกเล็ก ควรเลือกแบบ ดันทรง เน้นให้เห็นเนื้อหน้าอกมากหน่อย
ถ้าอกห่างควรใช้ตะขอหน้า ช่วยดึงให้หน้าอกมาชิดกัน
ขั้นตอนใส่บรา เพื่อให้ หน้าอกสวย1) ก่อนใส่ให้ปรับสาย บราให้พอดี กับช่วงไหล่ และปรับระดับให้เท่ากัน โดยลองเอามาคล้องที่แขนก่อน พยายามโกยเนื้อทรวงอก ด้านข้าง โดยเฉพาะบริเวณใต้รักแร้เข้ามาไว้ในยกทรง
แนะนำให้เลือก ยกทรงที่ มีขอบด้านข้าง ช่วยกันไม่ให้ เนื้อหน้าอก
ไหลไปด้านข้าง จะช่วยรักษา รูปทรงหน้าอก ให้สวยงามได้ แถมทำให้
มีเนื้อหน้าอกมากขึ้น ที่เค้าว่า โกย แล้ว หน้าอก ตู้มๆ น่านแหล่ะค่ะ3) แล้วค่อยติดตะขอ จากนั้น ก็ แล้ว จัดทรงให้ กระชับ เรียบร้อยอีกครั้ง
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ ใครที่เพื่อนส่งต่อเมล์นี้มาให้ แล้วต้องการรับเรื่องราวดีๆจากเราอีกมากมาย คลิกค่ะ
เสื้อชั้นใน
การเลือกเสื้อชั้นในขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมของแต่ละคน บางคนถึงหน้าอกจะใหญ่ แต่ชอบใส่เสื้อชั้นในรัดรูปและช่วยพยุงทรง เพื่อไม่ให้หน้าอกกระเพื่อมมากนัก หลายคนชอบใส่เสื้อชั้นในเวลาออกกำลังกาย บางคนใส่ยกทรงเพื่อปกปิดหัวนมซึ่งอาจจะชูชันเมื่ออากาศหนาวหรือถูกกระตุ้นทางเพศ ขณะที่อีกหลายคนไม่ชอบใส่อะไรเลย
ยังคงมีข้อถกเถียงกันว่า การใส่ยกทรงสัมพันธ์กับการห้อยย้อยของหน้าอกหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่ายกทรงช่วยรักษาความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อและเอ็นซึ่งพยุงทรงไว้ แต่บางคนกล่าวว่าการถูกดึงรั้งเป็นเวลานาน แรงดึงดูดของโลก การใส่และถอดยกทรง สถานภาพความเป็นแม่ การเปลี่ยนแปลงของขนาดซึ่งสัมพันธ์กับการขึ้นลงของน้ำหนักตัว สิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญกับการห้อยย้อยของหน้าอกทั้งสิ้นไม่ว่าจะใส่เสื้อชั้นในบ่อยแค่ไหนก็ตาม
ยกทรงประเภทนี้ให้ความรู้สึกในการสวมใส่เป็นธรรมชาติมากทีสุดเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่จริงๆแล้วช่วยพยุงทรงไว้ทำให้รูปทรงของหน้าอกเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด และมองเห็นหัวนมได้ง่ายสุด โดยเฉพาะชนิดไม่มีตะเข็บ แบบอันเดอร์ไวร์ (Underwire)
เหมาะสำหรับคนที่มีขนาดหน้าอกใหญ่กว่าคัพซี
แบบดันทรง ( Push-up Bra )
ตัดเย็บด้วยรูปทรงและบุฟองน้ำด้านในเพื่อช่วยดันทรงขึ้น
แบบเสริมฟองน้ำ ( Padded Bra)
ออกแบบมาเพื่อให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้น บุฟองน้ำมากกว่าแบบดันทรง เป็นการอุ้มเต้านมไว้ไม่ให้ขยับ ไปอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน
แบบครึ่งตัว (Demi Bra)
เป็นยกทรงประเภทอันเดอร์ไวร์ชนิดหนึ่ง แต่ตัดส่วนที่อยู่เหนือหัวนมออกไป ยกทรงชนิดนี้ เหมาะสำหรับเวลาสวมชุดที่คว้านคอลึก ถ้าหน้าอกใหญ่ใส่ยกทรงประเภทนี้จะทำให้หน้าอก ล้นออกมา มองดูคล้ายมีนมสี่เต้า
แบบสปอร์ต (Sport Bra)
เป็นยกทรงที่มีจุดประสงค์ในการสวมใส่โดยเฉพาะและมีคนเลือกใช้ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มี หน้าอกขนาดกลางและใหญ่ เพื่อช่วยพยุงทรงและสวมใส่สบาย ยกทรงแบบสปอร์ตจะบีบหน้า อกเข้าหากันอาจทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดได้
แบบมินิไมเซอร์ (Minimizer Bra)
ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้หน้าอกดูเล็กลง เพราะช่วยบีบหน้าอกทำให้เนื้อไม่ล้นออกมามากนัก
ก่อนอื่นต้อง เลือก ยกทรง ให้เหมาะสมกับ ขนาด และ รูปร่างก่อน
ค่ะ เช่น ถ้าคุณ เป็นคน อกใหญ่ ต้อง เลือกยกทรง ที่ไม่รัดจนเกินไป
ไม่งั้นจะทำให้ดูเหมือนมี นม 4 เต้า เลือกยกทรงที่สามารถเก็บเนื้อหน้าอกได้มิดชิด และเลือกที่มี สายบ่ากว้าง ช่วยกระจายน้ำหนัก จะได้ไม่ปวดไหล่
แต่ถ้าเป็นคนอกเล็ก ควรเลือกแบบ ดันทรง เน้นให้เห็นเนื้อหน้าอกมากหน่อย
ถ้าอกห่างควรใช้ตะขอหน้า ช่วยดึงให้หน้าอกมาชิดกัน
ค่ะ เช่น ถ้าคุณ เป็นคน อกใหญ่ ต้อง เลือกยกทรง ที่ไม่รัดจนเกินไป
ไม่งั้นจะทำให้ดูเหมือนมี นม 4 เต้า เลือกยกทรงที่สามารถเก็บเนื้อหน้าอกได้มิดชิด และเลือกที่มี สายบ่ากว้าง ช่วยกระจายน้ำหนัก จะได้ไม่ปวดไหล่
แต่ถ้าเป็นคนอกเล็ก ควรเลือกแบบ ดันทรง เน้นให้เห็นเนื้อหน้าอกมากหน่อย
ถ้าอกห่างควรใช้ตะขอหน้า ช่วยดึงให้หน้าอกมาชิดกัน
ขั้นตอนใส่บรา เพื่อให้ หน้าอกสวย
1) ก่อนใส่ให้ปรับสาย บราให้พอดี กับช่วงไหล่
และปรับระดับให้เท่ากัน โดยลองเอามาคล้องที่แขนก่อน
พยายามโกยเนื้อทรวงอก ด้านข้าง โดยเฉพาะบริเวณใต้รักแร้เข้ามาไว้ในยกทรง
แนะนำให้เลือก ยกทรงที่ มีขอบด้านข้าง ช่วยกันไม่ให้ เนื้อหน้าอก
ไหลไปด้านข้าง จะช่วยรักษา รูปทรงหน้าอก ให้สวยงามได้ แถมทำให้
มีเนื้อหน้าอกมากขึ้น ที่เค้าว่า โกย แล้ว หน้าอก ตู้มๆ น่านแหล่ะค่ะ
แนะนำให้เลือก ยกทรงที่ มีขอบด้านข้าง ช่วยกันไม่ให้ เนื้อหน้าอก
ไหลไปด้านข้าง จะช่วยรักษา รูปทรงหน้าอก ให้สวยงามได้ แถมทำให้
มีเนื้อหน้าอกมากขึ้น ที่เค้าว่า โกย แล้ว หน้าอก ตู้มๆ น่านแหล่ะค่ะ
3) แล้วค่อยติดตะขอ จากนั้น ก็ แล้ว
จัดทรงให้ กระชับ เรียบร้อยอีกครั้ง
ดูจบแล้วรีบกลับไปที่ email ด่วน เรารอคุณอยู่ค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)