วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การกินน้ำหวานหรือของหวาน ช่วยให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย


มีคนจำนวนมากที่เชื่อเช่นนั้น ทำให้เครื่องดื่มในกลุ่มของน้ำอัดลม น้ำหวาน ขนมนมเนย รวมไปถึงเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อต่างๆ ขายดิบขายดีมาเป็นเวลานาน จนกลายเป็นปัญหาร้ายแรง ถึงขั้นที่มีแพทย์หลายท่านต้องออกมารณรงค์เรื่องเด็กติดหวาน ทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนทั้งที่รู้ถึงผลเสียของน้ำหวานและขนมหวานก็ตาม แต่ก็ยังตัดใจจากอาหารและเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ได้เสียที ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อไม่ได้กินแล้วไม่มีแรง จะขาดใจซะให้ได้ ความรู้สึกว่าไม่ได้กินของหวานแล้วไม่มีแรง เลยคิดว่าการกินหวานเป็นทางออก นั่นล่ะคือ Pitfall ที่คนส่วนใหญ่มักจะติดกับกัน ทั้งนี้ การดื่มน้ำหวานเวลามีอาการเพลีย นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ในระยะยาวจะยิ่งซ้ำเติมให้อาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ให้เรายิ่งแย่ลงไปอีก ทั้งนี เพราะว่าทุกครั้งที่มีการเผาผลาญน้ำตาล ร่างกายจะต้องใช้วิตามิน B ร่วมด้วยเสมอ ดังนั้น เมื่อกินน้ำตาลและเผาผลาญน้ำตาลมากๆ วิตามิน B ก็จะถูกใช้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ถ้าอาหารที่เรากินเป็นแต่น้ำหวาน ขนมหวานที่มีแต่น้ำตาล ไม่มีวิตามิน B เลย ท้ายที่สุดร่างกายก็จะเกิดภาวะพร่องวิตามิน B ตามมาได้ และอาการของภาวะพร่องวิตามิน B ก็คือไอ้อาการเหนื่อยเพลียเหมือนไม่มีแรงนี่แหละ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่น้ำตาลพวกนี้เผาผลาญเร็วมาก ดังนั้น อาการสดชื่นหลังจากดื่มน้ำหวานเข้าไปก็จะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง แต่ฮอร์โมน Insulin ที่มีหน้าที่ลดน้ำตาลในเลือด กว่าจะออกมาก็เป็นเวลาที่ระดับน้ำตาลได้ลดลงแล้ว ผลก็คือ Insulin ที่ออกมาทีหลัง จะกดระดับน้ำตาลที่ลดลงแล้วให้ยิ่งดิ่งเหวลงไปอีก ผลก็คือทำให้มีอาการหวิวเหมือนใจจะขาด ต้องรีบหาอะไรกินอีก ทำให้คนที่นิยมบริโภคหวานหิวบ่อยกินบ่อย หยุดไม่ได้สักที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น